ก่อนจะเริ่มเล่นจริง คุณสามารถเข้ามาลองเล่นฟรีๆได้ที่ ออนไลน์ คา สิ โน ไทย เพื่อที่คุณจะได้ทำความคุ้นเคยกับเกมให้ดีซะก่อน ในเกมนี้ไพ่จะถูกแจกให้ทั้งสองฝั่ง คุณสามารถเลือกเดิมพันฝั่งไหนก็ได้ตามความชอบ ฝั่งหนึ่งเรียกว่า “แบงค์เกอร์” และอีกฝั่่งหนึ่งเรียกว่า “เพลเยอร์” โดยที่ฝั่ง “แบงค์เกอร์” นั้นไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดกับทางคาสิโนเลย ในขณะเดียวกันฝั่ง “เพลเยอร์” นั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเช่นกัน การแข่งขันนี้ ฝั่งที่มีแต้มสูงกว่าจะเป็นฝ่ายชนะใน บาคาร่า นอกจากนี้อาจจะมีการเรียกว่าแทนทั้งสองฝ่ายว่า มือที่ 1 และมือที่ 2 ได้เช่นกัน แต่โปรดทราบว่าฝั่ง “เพลเยอร์” จะมีเพียงมือเดียวไม่ว่าจะมีผู้เล่นกี่คนก็ตาม เพราะฝั่ง “เพลเยอร์” ไม่ใช่มือของผู้เล่นจริงๆ แต่เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกให้คุณเดิมพันเท่านั้น
สรุปผลรวมของไพ่ทั้งหมด
ไพ่ 10 และไพ่ที่มีรูปหน้าคนปรากฏ ได้แก้ J , Q , K นั้นจะมีค่าเท่ากับ 0 ส่วนไพ่ใบอื่นๆ จะมีค่าตามหน้าไพ่ ในส่วนของไพ่เอซ (A) จะมีค่าเท่ากับ 1 เมื่อจำนวนรวมของไพ่มากกว่า 10 เมื่อไหร่ ตัวเลขที่สองจะเป็นค่าของมือนั้น เช่น หากมีไพ่ 9 และ 6 ในมือ รวมกันแล้วจะเท่ากับ 15 ทำให้มือนี้มีค่า 5 แต้ม เพื่อที่จะชนะ คุณจะต้องเดิมพันฝั่งที่มีแต้มรวมกันใกล้เคียงกับ 9 มากที่สุด
ทำความเข้าใจกับการชนะแบบ “เนเชอรัล”
หากไพ่ 2 ใบแรกที่แจกออกมามีแต้มรวมกันได้ 8 หรือ 9 ไม่ว่าจะฝั่งเพลเยอร์หรือแบงค์เกอร์ก็ตาม เรียกว่า การชนะแบบ “เนเชอรัล” และเกมจะสิ้นสุดลง ผู้ที่เดิมพันฝ่ายที่ชนะก็จะได้รับเงินรางวัล
พิจารณาว่าเพลเยอร์จะได้ไพ่ใบที่สามหรือไม่ ดูจากแต้มรวมทั้งหมด
ฝ่ายเพลเยอร์จะได้รับการแจกไพ่ก่อน หากแต้มรวมได้ 8 หรือ 9 แต้ม จะไม่มีการแจกไพ่ใบที่ 3 แต่ถ้าแต้มรวมเท่ากับ 6 หรือ 7 แต้ม จะถือว่ายืนไพ่ คือไม่รับไพ่เพิ่ม แต่ถ้าเพลเยอร์ได้ผลรวมไพ่เท่ากับ 0-5 แต้ม ผู้เล่นจะต้องจั่วไพ่เพิ่ม นอกซะจากว่าฝ่ายแบงเกอร์จะได้แต้ม 8 หรือ 9 แต้มไปก่อนทำให้ฝ่ายแบงค์เกอร์ชนะไปโดยไม่ต้องจั่วเพิ่มอีก
กฎกติกาในการจั่วไพ่ใบที่สาม สำหรับแบงเกอร์
ในกรณีที่เพลเยอร์ยืนไพ่ คือไม่รับไพ่เพิ่ม(หรือไม่ได้จั่วไพ่ใหม่) แบงค์เกอร์จะสามารถจั่วไพ่เพิ่มได้หากแต้มรวมมีแค่ 0-5 แต้ม และแบงค์เกอร์สามารถยืนไพ่ได้เช่นกัน หากแต้มรวมเท่ากับ 6 หรือ 7 หากมีแต้มรวมนอกเหนือจากนี้จะต้องดูไพ่ใบที่ 3 ที่เพลเยอร์จั่่วได้
หากไพ่ใบที่ 3 ของเพลเยอร์ คือ 9, 10 หรือ ไพ่ที่มีรูปหน้าคน (J , Q , K หรือเอซ) แบงค์เกอร์จะต้องจั่วเพิ่มหากมีแต้มแค่ 0-3 แต้ม และยืนไพ่หากได้แต้ม 4-7
หากไพ่ใบที่ 3 ของเพลเยอร์เท่ากับ 8 แต้ม แบงค์เกอร์จะต้องจั่วเพิ่มหากมีแต้มแค่ 0-2 แต้ม และยืนไพ่ได้เมื่อมี 3-7 แต้ม
หากไพ่ใบที่ 3 ของเพลเยอร์คือ 6 หรือ 7 แบงค์เกอร์จะต้องจั่วเพิ่มหากมีแต้ม 0-6 แต้ม และยืนไพ่เมื่อได้แต้ม 7
หากไพ่ใบที่ 3 ของเพลเยอร์เท่ากับ 4 หรือ 5 แต้ม แบงค์เกอร์จะต้องจั่วเพิ่มหากมีแต้ม 0-5 และยืนไพ่เมื่อได้ 6-7 แต้ม
เมื่อแจกไพ่ทั้งหมดแล้ว ให้คำนวณฝ่ายที่ชนะ
ใน บาคาร่า, ฝ่ายที่ชนะคือฝ่ายที่มีแต้มใกล้เคียงกับ 9 มากที่สุด ในกรณีที่เสมอกันทั้งสองฝ่ายจะไม่มีการชนะหรือแพ้เกิดขึ้น แต่บางครั้งค่าคอมมิชชั่นของการชนะจะถูกจ่ายให้ผู้ที่เดิมพันฝ่ายแบงเกอร์
ตอนนี้คุณก็รู้กฎกติกาในการเล่นแล้ว คุณสามารถนำกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ไปใช้เพื่อเอาชนะ ลองเล่นฟรีได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ ออนไลน์ คา สิ โน ไทย ของเรา มาทดลองใช้กลยุทธ์ต่างๆได้ก่อนที่จะลงเล่นด้วยเงินจริง